สหาย

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ประวัติทีมแมนยู

พอนึกถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลแนวหน้าของยุโรปทีไร เหล่า Red Army ทุกคน ก็นึกย้อนไปถึงในอดีตในปี 1902 แต่ก่อนหน้านี้ ทีมขวัญใจของเราไม่ได้ชื่อนี้ พวกเขาถือกำเนิดด้วยชื่ออื่นๆ ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานเกินกว่า 100 ปีในปี ค.ศ.1878 พนักงานการรถไฟสายแลงคาเซี้ยร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ ในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารมื้อเย็นอยู่นั้น พวกเขา ได้ร่วมก่อตั้งทีมฟุตบอลกันขึ้นมา และตะเวณเล่นกันอยู่ในแถบเมือง นอร์ธกราวด์ ซึ่งอยู่ใน นิวตัน ฮีธ สถานที่ซ้อมก็ใช้รางรถไฟ เป็นเส้นแบ่งเขตสนาม ตลอดจนเสียง และควันจากรถไฟเครื่องจักรไอน้ำ ทีมฟุตบอล นิวตัน ฮีธที่พวกเขา ตั้งขึ้นมาก็เล่น ฟุตบอล กัน ได้อย่างดีเยี่ยมน่าประทับใจ โดยชุดแข่งที่ใช้เสื้อสีเขียว-เหลือง อย่างละครึ่ง กางเกงสีดำเป็นชุดเก่ง พนักงานที่อยู่ในแถบนั้น แพ้นิวตัน ฮีธ กระจุย ในปี 1885 สมาชิกในทีมได้ตัดสินใจติดต่อกับการรถไฟ และก่อตั้งทีมเพื่อเป็น บริษัท จำกัด โดยใช้ชื่อว่า นิวตัน ฮีธ ฟุตบอลคลับ ผลงานชิ้นแรกของเขาคือการคว้าแชมป์ แมนเชสเตอร์ คัพมาครอง นั้นคือถ้วยแรกของทีม นิวตัน ฮีธ ต่อมาอีกสามปีฟุตบอลลีคของอังกฤษ ได้ก่อตั้งกันขึ้นมา ทีมรอบๆเมือง โบลตัน กับแอคคริงตันถูกเชิญเข้าร่วมการแข่งขัน ยกเว้นนิวตัน ฮีธ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะยังมีอีกหลายทีมที่ไม่ได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกในตอนแรก พวกเขาก่อตั้งลีคกันเองโดยใช้ชื่อว่า อัลไลแอนช์ โดยมีเชฟฟิลด์ เว้นท์เดย์,นอสติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ สมอลล์ ฮีธ ซึ่งใน ปัจจุบันก็คือทีม เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ นั่นเอง การแข่งขันในฤดูกาลแรกของพวกเขาได้อันดับ 8 จาก 12 ทีม ปีต่อมาได้อันดับ 9 ในปี 1891 พวกเขาได้ รองแชมป์ในปี ี ต่อจากนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อย่างไรก็ตามปีต่อมาฟุตบอลลีค มีการแก้ไขเรื่องสมาชิกใหม่ พวกเขาตอบรับการ เข้าร่วม ในลีค การแข่งขันของทีม นิวตันฮีธ เปิดฤดูกาลใหม่พวกเขาแพ้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-4 จากนั้นทีกก็ล่วงไม่เป็นท่า โดยชนะแค่ 6 ครั้งใน 30 นัด ตกไปอยู่ในอับดับบ๊วยของตาราง ก่อนที่จะรอดการตกชั้นเพราะว่า พวกเขาชนะ สมอลล์ ฮีธ 5-2 ที่บรามอลล์เลน ปีต่อมา พวกเขาเล่นแย่เหมือนเดิม กลายเป็นทีม ที่อยู่ในอันดับบ๊วยของตาราง และก็โดน ลิเวอร์พูลถล่มเอาชนะไป2-0ทำให้ นิวตัน ฮีธ ตกชั้นไปในที่สุด ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของพวกเขา แม้จะมีการยุบลีคและตั้งใหม่ แต่ทีมก็มีปัญหาใน การ เข้าร่วม เนื่องจากสถานะทางการเงินไม่เอื้ออำนวย ก่อนที่จะล้มละลาย ในปี 1902 จอห์น เดวี่ส์ เจ้าของกิจการเบียร์ท้องถิ่น เข้ามาดูแลกิจการของสดมสร พวกเขาย้ายมาจาก นอร์ธ โร้ด เพื่อไป ใช้สนามใหม่แถบ แบงค์ สตรีท หลังจากที่ อยู่ที่นอร์ธ โร้ด มา 9 ปีเต็ม ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านคู่แข่งขันอย่าง อาร์คลิค เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ประธานสโมสรคนแรกของ นิวตัน ฮีธ บอกว่าทีมของเขาสมควรที่จะใช้ชื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากกว่า แต่ถึงอย่างไรทีมก็ช้าไป พวกเขาเลยตั้งชื่อกันมา มากมายหลายชื่อ เช่น แมนเชสเตอร์ เซนทรัล,แมนเชสเตอร์ เซลติก, สองชื่อนี้ถูกปฏิเสธ ในที่สุดชื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงเข้ามาแทนที่ 26 เมษายน 1902 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือชื่ออย่างเป็นทางการของพวกเขา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ โดยผู้จัดการทีมคนแรกคือ เออร์เนสต์ แมกนัลล์ แต่ทีมที่ประสบความสำเร็จ กลับกลายเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพได้ในปี 1904 ทว่าในเวลาต่อมาโดยสอบสวนพบว่ามีการจำหน่ายตั๋วผี ก็เลยทำให้ เมืองแมนเชสเตอร์ โดนแบน ห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอล 1 ปี พอพ้นกำหนดโทษห้ามเล่น บิลลี่ เมเรดิธ นักเตะชาวเวลส์ กลายเป็นสมาชิกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที ปีเดียวที่สามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่นสอง และเลื่อนชั้นมาเล่นในดิวิชั่นหนึ่ง ภายในระยะเวลาสองปี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำสถิติยิง 82 ประตู คว้าแชมป์สมัยแรกไปครอง อย่างยื่งใหญ่ ในปี 1908 ด้วยสไตล์การเล่น ที่รู้กันอยู่ว่า "เร็วและสวยงาม" อย่างไรก็ตาม จอห์น เดวี่ร์ ประธานสโมสร ได้ทำการเปลี่ยนแปลงสนามเหย้าของทีม อีกครั้ง เขาตัดสินใจ ย้ายจากแบงค์ สตรีท ที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่า พื้นสนามนั้นแย่มาก เขาย้ายห่างจากตัวเมืองไปอีก 5-6 ไมล์ ที่นั่นคือ .แทร็ฟฟอร์ด พาร์ค ย่านชานเมืองแมนเชสเตอร์ และเดวีร์เรียก สนามนัดเหย้า ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแห่งนี้ว่า...โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด บ่ายสาม...6 ก.พ. 1958 ที่มิวนิค นั่นคือเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความโศกสลดในวงการฟุตบอลอังกฤษ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังสร้างทีมได้อย่างมั่นคงและเริ่มต้นไขว่คว้าหาความสำเร็จในเวลานั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินทางไปแข่งขัน ฟุตบอลสโมสรยุโรปกับเร้ดสตาร์ เบลเกรด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาแวะที่มิวนิคเพื่อเติมน้ำมันก่อนกลับลอนดอน บางทีถ้าหากคุณเป็นส่วนหนึ่งของ ขุนพลนักเตะชุดนั้น คุณจะได้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า สีหน้าของขุนพล ทั้งหมดที่ไปชุมนุมกันก่อนขึ้นเครื่องบิน บีอีเอ เอลิซาเบธ นั้นเป็นยังไงในความพยายาม ของกัปตันที่ จะนำเครื่องขึ้นทะยานสู่ ท้องฟ้าหลัง จากแวะเติมน้ำมันที่สนามบิน เรม ของมิวนิคเรียบร้อยแล้ว บีอีเอพยายามสลัดให้พ้นรันเวย์ของเรม สองครั้ง สองครา ในความพยายามครั้งที่สาม จอห์นนี่ เบอร์รี่ ขุนพลของทีมพูดเล่นๆกับ เลียม วีแลน ว่าเรากำลังจะตาย ในความ เป็นจริงเบอร์รี่รอดตาย แต่วีแลนพร้อมทั้ง โรเจอร์ ไบรน์,เจฟฟรี่ย์ เบนต์,เอ็ดดี้ ดอลแมน,มาร์ค โจนส์,เดฟ เพก,ทอมมี่ เทย์เลอร์ เสียชีวิตพร้อมกันกับลูกเรือและเจ้าหน้าที่ทีม เครื่องบินตกใส่บ้านคนในสภาพที่หนาวเหน็บ หิมะตก คนที่เสียชีวิต ในเวลาต่อมา คือ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ นักเตะที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษด้วยอายุน้อยที่สุด เขานอนโรงพยาบาล 15 วัน ก่อนที่จะสิ้นลม นอกจากนี้ยังมี ทอมแจ๊คสัน และแฟร้งค์ สวิฟต์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม แฮรี่ เกรกก์ ผู้รักษาประตูอีกคนหนึ่งของทีม กล่าวว่า ไม่มีเสียงร่ำไห้ ไม่มีเสียงคร่ำครวญ สภาพวันนั้นมีแต่ความมืดและกลิ่นน้ำมันเครื่องบิน หลังจากรอดพ้นความตายอย่าง หวุดหวิด เกรกก์รู้สึกละอายใจที่เขารอดในขณะเพื่อนรว่มทีมเสียชีวิตกันจนหมด นั่นรวมทั้ง แมตต์ บัสบี้ ที่รอดพ้นการตาย ในโรงพยาบาล กลับยืนหยัดลุกขึ้นมามุ่งมั่นจนพาทีมประสบความสำเร็จอย่างสุดยอด ทีมของเขาเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก นั่นคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ไม่ได้มาแบบโชคช่วย ภาพนาฬิกามิวนิคที่ติดตั้ง อยู่บริเวณ อัฒจรรย์หน้า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แสดงถึงวันที่เครื่องบินตกและ เวลาเพื่อย้ำเตือนแฟนผีแดงรุ่นใหม่ให้ใส่ใจกับ ประวัติศาสตร์อันน่าสะเทือนใจของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายสามโมงของ วันที่ 6 ก.พ. 1958... credit xxxhonxxx จาก sanook.com สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นสโมสรหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนะเลิศการแข่งขันเอฟเอ พรีเมียร์ลีกถึง 8 ครั้ง ครองแชมป์ดิวิชันหนึ่ง 7 ครั้ง รวมครองแชมป์ลีกสูงสุดถึง 15 ครั้ง มีสถิติผู้ชมในสนามมากที่สุดในอังกฤษ และถูกยกให้เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประวัติศาสตร์สโมสร สโมสรในช่วงแรก (1878-1945) สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก่อตั้งโดยกลุ่มพนักงานของสถานีรถไฟเมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อปี 1878 ในชื่อ นิวตันฮีท (แลนแคเชียร์ แอนด์ ยอร์ดเชียร์เรลเวย์) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเหลือเพียง นิวตันฮีท ได้เป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมฟุตบอลในตอนนั้น ในปี 1889 และยังได้เข้าเล่นในฟุตบอลลีก 1892 ในปี 1902 สโมสรได้ประสบปัญหาทางด้านการเงิน เจ.เอช.เดวีส์ ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเงินให้แล้วเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยังเปลี่ยนสีประจำสโมสร จากสีเขียว-ทอง มาเป็นแดง-ขาว ซึ่งสีแดง-ขาวนี้ได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้ความช่วยเหลือของเดวีส์นี้ สโมสรได้แชมป์ฟุตบอลลีกสมัยแรกในปี 1908 และได้ย้ายสนามจาก แบงก์ โร้ด ไปยังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี 1910 จนถึงปัจจุบัน ทีมได้มีปัญหาอีกครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งถึงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดถูกทิ้งระเบิดจนใช้การไม่ได้ จึงต้องมีการไปขอเช่าสนาม เมนโรดของคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ซิตี้ โดยในช่วงนั้นทีมมีหนี้อยู่ 70000 ปอนด์ ยุคของเซอร์ แมตต์ บัสบี้ (1945-1969) แมตต์ บัสบี้ได้เข้ามาคุมทีมในปี 1945 เขาได้นำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้อย่างรวดเร็ว โดยได้อันดับสองของฟุตบอลลีกในปี 1947 และเป็นชนะเลิศเอฟเอ คัพในปีต่อมา บัสบี้เป็นคนที่ดึงนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาหลายคน จนได้แชมป์ลีกในปี 1956 ด้วยอายุเฉลี่ยของนักเตะเพียง 22 ปีเท่านั้น ในปีต่อมา เขาก็ได้พาทีมเป็นแชมป์ลีกอีกครั้ง และยังเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ แต่ไปไม่ถึงดวงดาวโดยการแพ้ต่อแอสตัน วิลลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลยูโรเปียนคัพ และยังได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศอีกด้วย ในปี 1958 ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของสโมสร เมื่อเครื่องบินที่บรรทุกนักเตะและทีมงานของสโมสร ที่กลับจากการไปแข่งขันยูโรเปียนคัพรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมเรดสตาร์ เบลเกรด ซึ่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแล้วได้ประสบอุบัติเหตุที่สนามบินในเมืองมิวนิค หลังจากแวะพักเครื่องบินที่เมืองมิวนิค ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณบ่าย 3 โมง เหตุการณ์ครั้งนั้นได้คร่าชีวิตนักเตะของทีมไปถึง 8 คน รวมถึงทีมงานสต๊าฟโค้ชและผู้โดยสารคนอื่นอีก 15 คน รวมเป็น 23 คน จากเหตุการณ์นั้น มีผู้คาดว่าจะเป็นจุดตกต่ำของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่จิมมี เมอร์ฟี ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในช่วงที่บัสบี้กำลังรักษาอาการบาดเจ็บ และใช้ตัวผู้เล่นแก้ขัดไปหลายตำแหน่ง แต่ทีมก็ยังสามารถเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพได้อีกครั้ง โดยครั้งนี้พ่ายต่อโบลตันทำให้ได้เพียงรองแชมป์เท่านั้น หลังจากรักษาตัวเองแล้ว บัสบี้ได้ปรับปรุงทีมในช่วงต้นของทศวรรษ 60 โดยการเซ็นสัญญาคว้านักเตะอย่าง เดนิส ลอว์ กับ แพท ครีแลนด์มาเสริมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพในปี 1963 และได้แชมป์ฟุตบอลลีกในปี 1965 และ 1967 นอกจากนี้ ยังได้แชมป์ฟุตบอลยูโรเปียน คัพเป็นสโมสรแรกของอังกฤษในปี 1968 นักเตะในทีมชุดนี้ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปถึง 3 คน ได้แก่ บอบบี ชาร์ลตัน เดนิส ลอว์ และ จอร์จ เบสต์ บัสบีได้ลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในปี 1969 โดยมีวิฟ แมคกินเนสโค้ชทีมสำรองทำหน้าที่แทน 1969-1986 สโมสรได้พยายามหาตัวแทนที่เหมาะสมของบัสบี โดยใช้ผู้จัดการทีมไปหลายคน ได้แก่ วิฟ แมคกิวเนส แฟรงค์ โอนีล ก่อนที่ ทอมมี โดเคอร์ตี้เข้ามาคุมทีมในปี 1972 เขาได้ช่วยทีมให้รอดจากการตกชั้น แต่อย่างไรก็ดี ทีมก็ได้ตกชั้นลงไปในปี 1974 แต่สโมสรก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาทันทีในปีถัดไป และยังได้เข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพในปีต่อมาอีกด้วย จากนั้นก็ได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งในปี 1977 โดยครั้งนี้สามารถคว้าแชมป์ได้โดยการเอาชนะทีมลิเวอร์พูล เป็นดับความหวังการคว้าสามแชมป์ในปีเดียวกันของหงส์แดงลงไป ถึงเขาจะทำหน้าที่ได้ดี แต่ก็ถูกไล่ออกหลังจากรอบชิงชนะเลิศปีนั้นเนื่องจากมีข่าวพัวพันกับภรรยาของนักกายภาพบำบัด เดฟ เซกซ์ตันได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมต่อในฤดูกาล 1977-1978 และเปลี่ยนระบบการเล่นของทีมให้เน้นเกมรับมากขึ้น ระบบนี้ทำให้แฟนบอลไม่ค่อยพอใจมากนัก หลังจากทำทีมไม่ประสบความสำเร็จ เขาถูกไล่ออกในปี 1981 รอน แอคคินสันได้เข้ามาทำหนาที่นี้แทน เมื่อเขาเข้ามาก็ได้ทำลายสถิติซื้อขายสูงสุดของอังกฤษโดยการคว้าตัวไบรอัน รอบสัน มาจากเวสต์บรอมวิช รวมถึง การคว้าตัว เจสเปอร์ โอลเซน และกอร์ดอน สตรัคคัน ในขณะที่มีนักเตะอย่างมาร์ค ฮิวจ์ และ นอร์แมน ไวท์ไซด์ ที่ขึ้นมาจากทีมเยาวชนของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้แชมป์เอฟเอ คัพในปี 1983 ปี 1985 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำผลงานได้ดีในช่วงเปิดฤดูกาลโดยการชนะ 10 นัดรวด ทำให้มีคะแนนนำทีมอื่นถึง 10 คะแนนตั้งแต่ต้นฤดูกาล แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทีมทำผลงานได้ไม่ดีและจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ของลีก ผลงานในปีต่อมาก็ไม่ได้ดีขึ้น ทีมต้องหนีการต้นชั้น ทำให้รอน แอคคินสันถูกไล่ออกไป ยุคของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก่อนคว้าสามแชมป์ (1986-1999) อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้เข้ามาคุมทีมต่อ โดยในฤดูกาลแรกสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับ 11 แต่ในปีต่อมาก็ได้อันดับสองโดยไบรอัน แมคแคลร์ทำประตูได้ถึง 21 ประตู เป็นคนแรกของทีมหลังจากที่จอร์จ เบสต์เคยทำได้มาก่อนหน้านี้ ในปี 1989 เฟอร์กูสันเกิดความยากลำบากในการคุมทีมขึ้น เนื่องจากตัวผู้เล่นหลายตัวที่เขานำเข้ามาในทีมไม่เป็นที่พอใจของแฟนบอล มีข่าวออกมาว่าสโสรจะปลดเฟอร์กี้ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในช่วงต้นปี 1990 แต่การชนะนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ในรอบสาม ของเอฟเอ คัพก็ทำให้เขาสามารถคุมทีมต่อไปได้ จนคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้ในปีนั้น เป็นแชมป์แรกให้กับเขาในการคุมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1990-91 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ โดยการเอาชนะบาร์เซโลนา จากสเปน ในนัดชิงชนะเลิศ แต่ปีต่อมาทีมทำผลงานไม่ดีนักในพรีเมียร์ลีก สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในลอนดอนเมื่อปี 1991 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 18 ล้านปอนด์ จากนั้น สโมสรต้องเปิดเผยข้อมูลการเงินทั้งหมดสู่สาธารณะ เอริค คันโตนาย้ายจากลีดส์ ยูไนเต็ดมาร่วมทีมเมื่อปี 1992 ส่งผลต่อผลงานของทีมเป็นอย่างมาก ทำให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นทันที ซึ่งนับเป็นแชมป์ลีกหนแรกหลังจากที่ได้มาในปี 1967 ปีต่อมา ทีมได้ดับเบิลแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ในปี 1994 นั้นเอง แมตต์ บัสบี ตำนานกุนซือของได้เสียชีวิตลงในวันที่ 20 มกราคม ฤดูกาล 1994-95 คันโตนาถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษลงโทษห้ามแข่งถึง 8 เดือน หลังจากที่ไปกระโดดถีบใส่แฟนบอลคริสตัล พาเลซ ปีนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้รองแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ เฟอร์กูสันได้กระทำสิ่งที่ขัดใจแฟนบอลของทีมอีกครั้งโดยการขายนักเตะสำคัญของทีมและดันนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่นแทน แต่ปีนั้น ทีมก็สามารถคว้าดับเบิลแชมป์ได้อย่างน่ายกย่อง โดยเป็นทีมแรกของเกาะอังกฤษที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 ซึ่งเว้นจากครั้งแรกที่ได้ดับเบิ้ลแชม์ในปี 1994 เพียงปีเดียว และสามารถที่จะลบคำสบประมาทถูกปรามาสเอาไว้ว่าไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จใดๆได้ จากการผลักดันเด็กเยาวชนของทีมให้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ได้ สโมสรคว้าแชมป์ลีกอีกครั้งในปี 1997 จากนั้น เอริค คันโตนาได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลด้วยวัยเพียง 30 ปีซึ่งเร็วกว่านักเตะคนอื่นๆ มาก ฤดูกาลทีมยังเริ่มต้นการแข่งขันได้ดี แต่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนมามากจนทำให้จบฤดูกาลได้เพียงอันดับสองเท่านั้น ปี 1998-99 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมาที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยการเป็นทีมแรกของอังกฤษที่คว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งประกอบด้วยพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้ในฤดูกาลเดียวกันอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ลีก โดยในนาทีสุดท้ายของเกมนั้น ทีมยังตามหลังบาเยิร์น มิวนิกอยู่ 1-0 แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาทีนั้น ทีมสามารถทำได้ถึงสองประตูพลิกกลับมาชนะ 2-1 ได้อย่างเหลือเชื่อ จาก เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ "เพชรฆาตหน้าทารก" โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จากการคว้าสามแชมป์ ทำให้อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้รับการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบถที่ 2 เป็นท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพื่อตอบแทนผลงานที่สามารถสร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้แก่ประเทศ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ได้รับตำแหน่งท่านเซอร์คนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยผู้ที่ได้รับคนแรกคือ เซอร์แมตต์ บัสบี้ คนที่สองคือ เซอร์บอบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานของโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จากสามแชมป์ถึงปัจจุบัน ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ลีกได้อีกในปี 2000 และ 2001 แต่ถูกมองว่าไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่สามารถป้องกันแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกได้ เฟอร์กูสันได้เปลี่ยนสไตล์การเล่นมาเน้นเกมรับมากขึ้นเพื่อให้แพ้ยากในเกมยุโรปแต่ยิ่งไม่ประสบความสำเร็จ โดยจบฤดูกาลพรีเมียร์ลีกปี 2002 ด้วยอันดับ 3 ในปี 2002-03 ได้เกิดมรสุมของทีมขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากริโอ เฟอร์ดินานด์ถูกลงโทษห้ามแข่ง 8 เดือนจากการพลาดการตรวจสารกระตุ้น แต่ปีนั้นแมนฯยูไนเต็ด ก็สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ และในปี 2004 ทีมก็คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้อีกครั้งโดยสามารถเอาชนะอาร์เซนอลซึ่งกำลังทำผลงานได้ดีในรอบรองชนะเลิศ ปี 2004-05 เป็นปีที่ทีมมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการทำประตู และจบฤดูกาลโดยไม่มีแชมป์ติดมือรวมถึงตกไปอยู่อันดับสามในลีก นอกจากนี้ ในเอฟเอ คัพ ก็น่าเสียดายเป็นอย่างมาก เมื่อเล่นได้เหนือกว่าอาร์เซนอลแต่แพ้ในการดวลลูกโทษ ปี 2005-06 รอย คีน กัปตันทีมได้ออกจากทีมอย่างกะทันหัน นอกจากนี้สโมสรยังตกรอบแรก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี แต่ช่วงท้ายฤดูกาล 2005-06 แมนฯยูไนเต็ด ก็สามารถคว้าแชมป์คาร์ลิ่งคัพ มาเป็นรางวัลปลอบใจได้ ด้วยการเอาชนะทีมวีแกนฯ 4-0 ฤดูกาลปัจจุบัน (2006-2007) ทีมปีศาจแดง เริ่มต้นฤดูกาล 06-07 อย่างร้อนแรง ด้วยการชนะสี่นัดรวด โดยได้นักเตะใหม่เข้ามาสู่ทีมเพียงแค่สองคน คือ ไมเคิล คาร์ริก เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติอังกฤษ ย้ายมาจาก ทอตแนม ฮอทสเปอร์ส ด้วยจำนวนเงิน 18.6 ล้านปอนด์ และ โทมัส คุสแช็ค ผู้รักษาประตูชาวโปล ถูกยืมตัวมาจาก เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ในขณะที่ทีมต้องเสีย รุด ฟาน นิสเตลรอย ไปให้กับ รีล มาดริด และ จูเซปเป รอสซี่ ถูกปล่อยไปให้ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ยืมตัว ทำให้ทีมมีปัญหากับตำแหน่งศูนย์หน้า แต่ หลุยส์ ซาฮา ก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาด้วยการจับคู่กับ เวย์น รูนีย์ สลับกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำประตูอย่างต่อเนื่อง เกียรติประวัติ แชมป์เอฟเอ พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลลีกดิวิชั่นหนึ่ง: 15 1908, 1911, 1952, 1956, 1957, 1965, 1967, 1993, 1994, 1996, 1997, 1999, 2000, 2001, 2003 ฟุตบอลลีกดิวิชั่นสอง: 2 1936, 1975 เอฟเอคัพ: 11 1909, 1948, 1963, 1977, 1983, 1985, 1990, 1994, 1996, 1999, 2004 ลีกคัพ: 2 1992, 2006 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก: 2 1967-68, 1998-99 UEFA Cup Winners' Cup: 1 1991 Intercontinental Cup: 1 1999 European Super Cup: 1 1991 FA Charity Shield/Community Shields: 15 1908, 1911, 1952, 1956, 1957, 1965, 1967, 1977, 1983, 1990, 1993, 1994, 1996, 1997, 2003 BBC Sports Personality of the Year Team Award 1968 & 1999 _________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น